สำหรับการสร้างบ้านของเรานั้นแน่นอนว่าย่อมมีความเชื่อในเรื่องต่าง ๆ ที่เราจะบอกให้บริษัทรับเหมาสร้างบ้าน ได้รับรู้เช่น ไม่สร้างทับต้นไม้ หรือความชื่ออื่น ๆ อีกมากมาย และแต่ละประเทศเองก็มีความเชื่อในแบบต่าง ๆ ด้วยเช่นกันเรามาลองดูกันดีกว่าครับว่าจะมีความเชื่อเรื่องบ้านของประเทศอะไรบ้าง ? อย่านำไม้กวาดเก่ามาใช้ในบ้านใหม่ มีความเชื่อว่าหากเรามีบ้านใหม่ หรือ มีกาย้ายบ้านเกิดขึ้นไม่ควรนำไม้กวาดจากบ้านหลังเก่ามาใช้กันบ้านหลังใหม่เด็ดขาดเพราะประเทศอเมริกันเชื่อว่าจะเอานำความโชคร้าย หรือ เรื่องไม่ดีจากบ้านหลังเก่าติดมาด้วย นำเหรียญมาวางไว้ในห้องนั่งเล่น ความเชื่อของชาวฟิลิปปินส์นั้นมีความเชื่อว่าหากนำเหรียญมาโปรยให้กระจายไว้ในห้องนั่งเล่นของบ้านหลังใหม่ จะเป็นการเชื้อเชิญให้เงิน ให้ทองและความร่ำรวยเข้ามาในบ้านหลังใหม่ นำขนมปังและไม้กวาดเข้ามาเป็นสิ่งแรก ชาวฟิลิปปินส์นั้นมีความเชื่ออีกอย่างว่าหากมีการซื้อบ้านใหม่เกิดขึ้น มีการนำขนมปัง และ ไม้กวาดเข้ามาเป็นสิ่งแรกนั้น ทั้งสองสิ่งจะนำพาความโชคดีมาให้ วันที่ 1 พฤศจิกายน ในวันที่ 1 พฤศจิกายน หากมีการเปิดหน้าต่างไว้ชาวสเปนเชื่อว่าจะนำพาโชคร้ายร้ายต่าง ๆ เข้ามาในบ้าน เพราะเป็นวันที่วิญญาณต่าง ๆ นั้นเป็นอิสระมากที่สุด ความเชื่อเรื่องของเลข 8 ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักเช่า หรือ การให้เช่าห้อง คนจีนเชื่อว่าหากตั้งราคาไว้ด้วย เลข 8 จะนำพาความมั่งคั่ง ความโชคดี และความร่ำรวยมาให้ เพราะคนจีนเชื่อว่า เลข 8 เป็นเลขนำโชค นอกจากนี้ยังมี 2,6,8 และ 9 ที่ชาวจีนเชื่อว่าเป็นเลขมงคล ห้ามให้มีดเป็นของขวัญ ชาวอเมริกันเชื่อว่า การให้มีดเป็นของขวัญนั้นจะทำให้ทั้งสองคนนั้นกลายเป็นศัตรูกันมากกว่ามิตร จึงมีความเชื่อว่าห้ามให้มีดเป็นของขวัญเด็ดขาด มีความเชื่อเรื่องราวต่าง ๆ มากมายบนโลกให้เรารู้จักอีกนะครับ ส่วนคนไทยก็มีความเชื่อในแบบของคนไทยเองใครที่มีความเชื่อแบบไหนและอยากจะสร้างบ้านก็ลองปรึกษาบริษัทรับเหมาสร้างบ้านสร้างบ้านที่ตัวเองอยากได้ ได้นะครับไม่ว่าจะเป็นความเชื่อแบบไหนเชื่อได้เลยว่าบริษัทรับเหมาสร้างบ้าน เจอมาทุกรูปแบบแน่นอน
Read Moreเมื่อเอ่ยถึงร้านเค้กสไตล์ญี่ปุ่น เชื่อว่าหลายคนน่าจะนึกถึงชื่อของ Bake A Wish ร้านเค้กสไตล์ญี่ปุ่นอันดับต้น ๆ ของประเทศที่พัฒนารสชาติเค้กจนได้รสชาติที่ถูกปากคนไทย โดยจุดเด่นคือเมนูเค้กรสชาติหอมหวานกลมกล่อมแต่ไม่หวานจนเกินไป จนสามารถครองใจคนรักเค้กไปอย่างง่ายดาย และสำหรับใครที่อาจไม่เคยลิ้มรสเค้กร้านนี้ ลองมาดู Bake A Wish Menu ดี ๆ ที่คนรักเค้กไม่ควรพลาด 1. ชูครีมแป้งนุ่ม เพราะซิกเนเจอร์ของ Bake A Wish Menu คือการเป็นเค้กสไตล์ญี่ปุ่นที่อัดแน่นด้วยครีมรสชาติเข้มข้นหอมอร่อย ดังนั้น เมนูที่ห้ามพลาดต้องขอแนะนำชูครีมแป้งนุ่มที่ให้สัมผัสละมุนลิ้นสมชื่อเมนู จุดเด่นคือเนื้อแป้งนุ่ม ๆ และอัดแน่นด้วยครีมวนิลลาที่มาพร้อมรสชาติหวานกำลังดี โดยเมนูนี้นอกจากมีให้เลือกแบบแป้งนุ่มแล้วยังมีแบบแป้งกรอบให้ลิ้มลองความอร่อย บอกได้เลยว่าชิ้นเดียวไม่เคยพอ 2. เครปเค้กชาไทย เอาใจสาวกชาไทยด้วยสุดยอดเมนูเครปเค้กแสนอร่อยที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน โดยเนื้อเครปเค้กถูกแบ่งเป็นชั้นสวยงาม ให้สัมผัสนุ่มทุกครั้งที่ลิ้มลอง ไหนจะซอสชาไทยสุดเข้มข้น ซึ่งบอกเลยว่าเมนูนี้คนรักชาไทยไม่ควรพลาด 3. บราวนี่นุ่ม อีกหนึ่ง Bake A Wish Menu ที่ขอเอาใจคนรักช็อกโกแลตกันบ้าง เมนูที่ควรลิ้มลองต้องยกให้บราวนี่นุ่มที่มาพร้อมความนุ่มกำลังดี และจัดเต็มด้วยความเข้มข้นของช็อกโกแลต ปิดท้ายด้วยการโรยหน้าด้วยอัลมอนด์ บอกได้เลยว่าเป็นเมนูเค้กที่ลงตัวแบบสุด ๆ 4. บลูเบอร์รี่โยเกิร์ต หากเบื่อรสชาติหวาน ๆ ลองเปลี่ยนมาลิ้มรสชาติหวานอมเปรี้ยวจากบลูเบอร์รี่โยเกิร์ต จุดเด่นของเมนูนี้คือสีสันสวยงามสะดุดตาจนใคร ๆ ก็ต้องสั่ง ยิ่งบวกกับรสชาติหวานอมเปรี้ยวของบลูเบอร์รี่และโยเกิร์ต ยิ่งทำให้เมนูนี้กลายเป็นเมนูที่แสนโปรดปรานของใครหลายคนได้ไม่ยาก 5. Tom Love Cheese แม้จะเป็นเมนูที่มีมาได้ไม่นาน แต่กลายเป็นเมนูที่ครองใจหลายคนไปเสียแล้ว โดยเฉพาะสาวกโอรีโอ เพราะนี่คือเมนูโอรีโอชีสเค้กเนื้อนุ่ม ที่นอกจากมีชีสเป็นส่วนผสมแล้ว ยังผสานความหอมมันของนูเทลล่า ซึ่งเมื่อนำทั้งสองอย่างมาผสมกันกลับให้รสชาติที่แสนลงตัว ใครที่ยังไม่เคยลองเมนูนี้ต้องรีบสั่งโดยด่วน นอกจาก 5 เมนูต้องสั่งจาก Bake A ...
Read Moreการสมัครงานเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเจอ หรือเคยผ่านมา เพราะทันทีที่ก้าวออกจากรั้วมหาวิทยาลัย เราก็ต้องหางานทำเป็นหลักเป็นแหล่ง ถ้าไม่ทำงานก็ไม่มีเงิน ส่วนปัญหาที่มักจะเจอเวลาไปสมัครงานก็คือหางานได้ยากบ้าง สมัครไปแล้วทางบริษัทเขาไม่รับบ้าง ทำให้บางคนเสียเวลาในการเดินสายสมัครงานเป็นเวลานาน ทำให้สิ้นเปลืองทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย สาเหตุก็เป็นเพราะไม่ได้มีการเตรียมตัวที่ดีนั่นเอง ถ้าหากเตรียมตัวเอาไว้ล่วงหน้า หรือรู้ก่อนว่าควรจะทำอะไรบ้างในการสมัคร ก็ไม่จเป็นจะต้องใช้เวลานาน ลองมาดูกันว่า ขั้นตอนการสมัครงานแบบไหนที่ช่วยย่นระยะเวลา และเห็นผลดีที่สุด 1.เรซูเม่ต้องโดดเด่น ลักษณะของการทำเรซูเม่ที่ดี ไม่จำเป็นจะต้องมีข้อมูลเยอะ หรือมีรายละเอียดปลีกย่อยหลายๆ หน้า เพราะนั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญก็คือทางบริษัทที่เขารับก็คือเจ้าหน้าที่ HR เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องรายละเอียดมากขนาดนั้น เขาสนใจเพียงแค่ว่าเรามีคุณสมบัติตามที่เขาต้องการหรือไม่ มีประวัติอย่างไรบ้าง มีความสามารถพิเศษอะไร แค่นี้ก็เพียงพอ ฉะนั้นนการทำเรซูเม่ จึงต้องทำให้ดีที่สุด และกระชับได้ใจความที่สุด 2.ส่งใบสมัครให้เยอะเข้าไว้ เมื่อคุณรู้แล้วว่าอยากจะทำงานในตำแหน่งไหน ก็ให้เลือกดูตำแหน่งนั้นจากหลายๆ บริษัท ดูว่าฐานเงินเดือนเป็นที่น่าพอใจหรือเปล่า แล้วก็ให้ส่งใบสมัครไปเลย ยังไม่ต่องไปเจอจงแค่บริษัทเดียว เพราะถ้าหากพลาดมาเราก็ต้องเสียเวลาในการรออีก ให้สมัครเอาไว้ก่อน จากนั้นค่อยเลือกเอาบริษัทที่เราอยากจะทำมากที่สุดก็พอ คุณจะได้ตัวเลือกที่ดีที่สุดอีกด้วย 3.หางานจากหลายๆ ช่องทาง การหางานในยุคนี้ต้องบอกว่าสะดวกสบายอย่างยิ่ง จะนั่งอยู่ที่บ้านก็หางานได้ เพียงแค่เข้าเว็บที่เกี่ยวกับการหางานเท่านั้น และสิ่งที่อยากจะแนะนำก็คือ เวลาที่ใช้เว็บหางาน ควรเลือกใช้จากหลายๆ เว็บประกอบกัน เพราะว่างานของแต่ละเว็บไม่เหมือนกัน บริษัทคนละบริษัท จะทำให้คุณมีตัวเลือกที่มากกว่าเดิมด้วย ดีกว่าการใช้เครื่องมืออันเดียว อาจจะทำให้เราเปลืองเวลามากกว่า 4.อย่าเรียกเงินเดือนสูงเกิน ทุกบริษัทล้วนต้องการอยากจะประหยัดต้นทุนในการจ้างงาน เพื่อที่จะได้กำไรสูงขึ้น ดังนั้นหากคุณเป็นเด็กจบใหม่ แนะนำว่าอย่าเพิ่งไปเรียกเงินเดือนที่สูงเกินไปนัก เพราะเรายังมีประสบการณ์ไม่เพียงพอในการทำงาน อีกอย่างก็คือ เจ้าหน้าที่ HR ก็อาจจะตัดเราออกจากลิสท์ทันที เพราะเขาต้องเลือกคนที่เรียกเงินเดือนน้อยๆ เอาไว้ก่อนอยู่แล้ว 5.เตรียมความพร้อมเสมอ หากมีการเรียกสัมภาษณ์ เราก็ควรพร้อมตลอดเวลา และก่อนที่จะสัมภาษณ์ ก็ควรเตรียมตัวเอาไว้ให้ดี จะได้ไม่ติดขัด หรือถ้าอยากจะเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับโปรไฟล์ของเรามากขึ้น การทำเรซูเม่ก็ควรจะทำเป็นภาษาอังกฤษด้วย แล้วเราจะเป็นที่น่าสนใจมากขึ้น วิธีการทั้ง 5 ข้อที่ได้บอกไป ก็เป็นแนวทางในการหางานที่ดีที่สุดและหลายคนเลือกใช้กันอยู่ ลองดูว่าตอนนี้เราทำผิดวิธีอยู่หรือเปล่า ...
Read MoreBigbike เป็นอีกหนึ่งยานพาหนะที่ได้รับความนิยมและสนใจในวงกว้าง เเต่ก็เป็นยานพาหนะที่ค่อนข้างเสี่ยงอันตราย เพรามีความเร็วและเเรง จึงอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุในการขับขี่ได้โดยง่าย การทำประกัน Bigbike จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่เราควรให้ความสำคัญ ซึ่งการทำประกัน Bigbike นั้นมีหลากหลายรูปแบบ แต่ประกันส่วนใหญ่ที่คนนิยมทำคือประกันชั้น 1 ที่มีความครอบคลุมสูงสุดทั้งรถหาย ภัยธรรมชาติ หรือการเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชน คุ้มครองทั้งเราและคู่กรณีเป็นต้น หากท่านใดกำลังลังเลว่าจะทำประกัน จักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ประเภทใดดี ซึ่งส่วนใหญ่แล้วการแบ่งของเราจะขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้รถบ่อยมาเพียงใด จะเป็นยังกันบ้างมาลองดูกันนะคะ สำหรับ 2 ข้อแนะนำ ประกัน Bigbike แบบไหนที่ใช่คุณ หากคุณเป็นนักบิ๊กไบค์ตัวจริง ขี่ทุกวัน การใช้บิ๊กไบค์เป็นประจำทุกวัน ในทางรถสาธารณะค่อนข้างมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นรถติด ฝนตก ถนนลื่น เพราะรถประเภทนี้มีความเร็วและแรงทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้โดยง่าย การทำประกันBigbikeชั้น 1 จึงสามารถตอบโจทย์ให้กับคุณได้อย่างครอบคลุม ในกรณี ที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ประกันจะจ่ายเงินให้กับเราและคู่กรณี โดยคุ้มครองทั้งร่างกายและทรัพย์สิน ถือว่าครอบคลุมและเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้ Bigbike เป็นประจำมากจริงๆ ค่ะ ขี่เป็นงานอดิเรก หากคุณใช้ Bigbike เพียงออกไปขี่บ้างเป็นบางครั้ง เดือนละ 2 ครั้งเเบบนี้ ค่อนข้างมีความเสี่ยงน้อยลงมาจากแบบเเรกที่ขี่เป็นประจำทุกวัน การทำประกัน Big Bike ชั้น 2 จึงเหมาะสมกับคุณนะคะ เพราะถึงเเม้ว่าอาจไม่เกิดอุบัติเหตุจากทางท้องถนน เเต่การจอดทิ้งไว้อาจมีการโจรกกรรม หรือเกิดไฟไหม้น้ำท่วมต่างๆ ประกันจะช่วยคุ้มครองคุณในส่วนนี้ได้เลยค่ะ เป็นยังไงกันบ้างคะ กับลักษณะการใช้รถ Bigbikeที่เหมาะกับการเลือกทำประกันแบบที่ใช่กับตัวคุณ ทั้งนี้สิ่งที่เราอยากเนะนำเพิ่มเติมคือการขับขี่อย่างระมัดระวังและไม่ประมาทถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดนะคะ เพื่อความสบายใจของตัวคุณเองและทุกคนในครอบครัวค่ะ
Read More