หากกล่าวถึงการทำขนมเค้กนั้น นับว่าเป็นความใฝ่ฝันของใครหลายๆ คนกันเลยก็ว่าได้ครับ เพราะนอกจากความอร่อยของเค้กแล้ว การได้ลงมือทำเค้กและแต่งหน้าด้วยตัวเองถือเป็นสิ่งที่หน้าภาคภูมิใจไมใช่น้อยเลยหล่ะ จะทำกินเองก็ได้ ทำให้คนที่เรารักก็ดี แถมถ้ามีฝีมือมากๆ สามารถทำขายกันได้เลยหล่ะครับ นอกจากรสชาติแล้ว ความสวยงามและหน้าดึงดูดถือเป็นปัจจัยหลักๆ ในการกินเค้ก ดังนั้นในวันนี้เราจะพาท่านผู้อ่านที่มีใจรักในการทำขนมไปพบกับ “เทคนิคการตกแต่งหน้าเค้ก ฉบับมือใหม่” กันครับ แต่ก่อนอื่นเรามาศึกษาเค้กปประเภทต่างๆ และส่วนประกอบของเค้กเบื้องต้นกันก่อนดีกว่าครับ เค้กมีกี่ชนิดและมีส่วนประกอบอะไรบ้าง? เค้กเป็นผลิตภัณฑ์ขนมอบอีกชนิดหนึ่งที่นิยมบริโภคกันทั่วไปและสามารถทานได้ในทุกเทศกาลไม่ว่าจะเป็นวันปีใหม่ วันคริสต์มาส วันเกิด วันสำคัญต่างๆ  บ้างก็นิยมรับประทานเค้กที่มีเนื้อละเอียด เบา นุ่ม  แต่บางคนก็ชอบเนื้อเค้กที่มีความมัน  เนื้อละเอียด  มีน้ำหนัก โดยจะมีส่วนผสมหลักที่แตกต่างกันไปในแต่ละสูตรแต่ละส่วนผสม ซึ่งส่วนผสมหลักๆ จะประกอบไปด้วย • แป้งสาลี    แป้งสาลีที่ใช้ทำเค้ก• น้ำตาล  น้ำตาลเป็นตัวทำให้เค้กมีรสหวาน  และยังทำให้เค้กนุ่ม  เพราะน้ำตาลมีผลทำให้โปรตีนในแป้งอ่อนตัว  ช่วยให้เค้กเก็บได้นานขึ้น • ไขมัน  โดยจะมีหน้าที่จับตัวกับอากาศในขณะผสมเค้ก  อากาศที่ไขมันเก็บไว้ในระหว่างการตีจะทำให้ตัวทำเค้กมีความนุ่ม ซึ่งไขมันที่ใช้ในการทำเค้กโดยทั่ว ๆ ไปได้แก่ เนยสด  เนยขาว เป็นต้น ซึ่งเนยเป็นไขมันที่ให้กลิ่นและรสดีที่สุดในจำนวนไขมันทุกชนิดที่ใช้ในการทำขนมอบ  ดังนั้นในการทำเค้กจึงนิยมใช้เนยในการทำเค้กนั้นเอง• เกลือ เป็นตัวทำให้เกิดรสชาติในขนมเค้ก  คือให้ความเค็มและยังเป็นตัวช่วยเน้นรสชาติของส่วนอื่นๆ ให้ดีขึ้นและยังมีส่วนช่วยทำให้เค้กแข็งตัวอีกด้วย• ไข่ไก่   มีหน้าที่ช่วยให้เกิดการจับตัวของแป้ง สร้างกลิ่น รส สี ความชื้นและคุณค่าอาหารแก่ขนมเค้ก และไข่จะเป็นตัวช่วยเก็บอากาศในระหว่างตี ทำให้ขนมขึ้นฟูในเค้ก• นม  ที่นิยมใช้ในการทำเค้กก็คือ “นมสด” ทำหน้าที่ทำให้เค้กเกิดความแข็งและให้ความชื้นได้ดีด้วย• สารปรุงแต่งกลิ่นและรสชาติ   สิ่งเหล่านี้ใช้ผสมในเค้กเพื่อให้เกิดรสเฉพาะตัวซึ่งการเลือกใช้กลิ่นและรส ควรเลือกให้เหมะสมกับชนิดของเค้กที่ทำด้วย เค้กแบ่งออกเป็น 3 ชนิดหลัก ได้แก่ ●เค้กที่มีไขมันเป็นส่วนผสมหลัก (Butter Type Cake)  เป็นเค้กที่มีปริมาณของไขมันสูง  ซึ่งจะมีลักษณะเนื้อเค้กที่ขึ้นฟู ได้แก่ เค้กเนย  ...

คงมีหลายท่านไม่ใช่น้อยที่ชื่นชอบในรสชาติของคุกกี้อย่างแน่นอน  ซึ่งคุกกี้มักจะถูกใช้เป็นขนมขบเคี้ยวในยามว่างอยู่เสมอๆ ปัจจุบันเทรนด์การรักสุขภาพก็กำลังมาแรงในเพราะเรื่องของสุขภาพนั้นไม่เข้าใครออกใคร หากดูแลร่างกายได้ก็ค่อยที่จะหมั่นเอาใจใส่อยู่เสมอเช่นเดียวกับในเรื่องของการกินขนมอย่าง “คุกกี้” เราก็สามารถทำกินเองแบบรักสุขภาพแบบคลีนๆ ได้เช่นกัน ในบทความนี้จะขอแนะนำหนุ่มสาวและผู้ที่มีใจรักในการกินคุกกี้และต้องการดูแลสุขภาพไปพร้อมกันได้รู้จักกับ “คุกกี้สูตรคลีน ทำกินเองได้ไม่อ้วน” ให้ได้ลองนำไปทำกินเองที่บ้านกันครับ จะต้องทำอย่างไรบ้างนั้น เราไปดูกันดีกว่าครับ เทรนด์การกินคลีนเป็นอย่างไร? “การกินคลีน” มีที่มาจากการเลือกรับประทานอาหารที่ไม่ผ่านการปรุงแต่ง หรือผ่านกรรมวิธีการปรุงให้น้อยที่สุดอย่างผักสด ผลไม้สด เนื้อสัตว์ที่ผ่านการปรุงสุกแต่ไม่ปรุงแต่งรสชาติ ธัญพืช เป็นต้น โดยส่วนใหญ่การกินคลีนมักเป็นอาหารที่เราปรุงเอง เป็นเมนูง่ายๆ ที่บ้าน ซึ่งก็มีหลายๆ คนที่สงสัยในเรื่องของรสชาติ ว่าอาหารที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งจะอร่อยได้อย่างไร จริงๆ แล้วเราสามารถปรุงเมนูคลีนให้ได้รสชาติอร่อยจากการดึงเอารสชาติในแต่ละวัตถุดิบมารวมเข้าไว้ด้วยกันโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องปรุง 3 สูตรคุกกี้คลีนๆ แสนอร่อย กินแล้วไม่อ้วน!! 1.คุกกี้แอลมอนด์วัตถุดิบและส่วนผสม●แอลมอนด์ผง 350 กรัม● โยเกิร์ต 1 ถ้วย● งาขาวงาดำสำหรับโรย●ผงฟู 2 ช้อนชา วิธีการทำ คุกกี้แอลมอนด์●ร่อนแอลมอนด์ผสมกับผงฟู โดยทำประมาณ 2 รอบ จากนั้นเทโยเกิร์ตลงในส่วนที่ร่อนพร้อมกับนวดให้เข้ากัน ●เมื่อผสมกันได้ที่แล้วให้ปั้นคุกกี้ตามแบบที่ต้องการ แล้วโรยงาลงไป●เอาเข้าเตาอบที่อุณหภูมิประมาณ 180 – 200 องศา อบประมาณเป็นเวลา 15 – 20 นาที●นำออกจากเตาอบ ผึ่งให้เย็นและแกะออกจากถาด จากนั้นก็ทานได้เลย 2.คุกกี้อินทผาลัมเกล็ดมะพร้าว  วัตถุดิบและส่วนผสม●ไข่ไก่ 1 ฟอง●แป้งโฮลวีต 1 ถ้วย●เกล็ดมะพร้าว 3/4 ถ้วย●อินทผาลัมหั่นเต๋า 2 ถ้วย●ถั่วสับหยาบ 3/4 ถ้วย●น้ำมันมะกอก 1/4 ถ้วย●นมสดรสจืด 5 ช้อนโต๊ะ●เกลือ 1/4 ช้อนชา●เบกกิ้งพาวเดอร์ 2 ช้อนชา วิธีการทำคุกกี้อินทผาลัมเกล็ดมะพร้าว●นำแป้งโฮลวีตที่เตรียมไว้ มาผสมกับเกล็ดมะพร้าว คลุกให้เข้ากัน●จากนั้นใส่อินทผาลัม และถั่วตามใจชอบ น้ำมันมะกอก ไข่ไก่ นมสดรสจืด เกลือ ...

หลายๆ ท่านคงมีอาหารหรือขนมที่ชื่นชอบที่ไม่ว่าจะกินเมื่อไหร่ก็ยังคงอร่อยถูกปากอยู่เสมอๆ ใช่มั้ยหล่ะครับ คงจะดีไม่ใช่น้อยนะถ้าเราสามารถทำมันกินเองได้ที่บ้าน ไม่ต้องออกไปหาซื้อให้เสี่ยงกับสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน อร่อยถูกปากเพราะปรุงเองกับมืออย่างแน่นอน ในวันนี้เราจะพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “สูตรคุกกี้นิ่ม ช็อคโกแลตชิพ” ที่มีเพียงอุปกรณ์กับวัตถุดิบไม่กี่อย่างก็สามารถสร้างขนมแสนอร่อยให้กับคุณได้แล้วหล่ะครับ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลาเราไปลุยกันดีกว่าครับ เตรียมส่วนผสมและอุปกรณ์สำหรับทำ “คุกกี้ ช็อคโกแลตชิพนุ่มอร่อย” ●ส่วนผสมซอฟต์คุกกี้ ช็อคโกแลตชิพ• ดาร์กช็อกโกแลต (70%) 180 กรัม• เนยสดรสเค็ม 40 กรัม• ไข่ไก่ 2 ฟอง• น้ำตาลทรายแดง 120 กรัม• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 50 กรัม• ผงฟู 1/4 ช้อนชา• ช็อกโกแลตชิพ 100 กรัม• กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา ●อุปกรณ์สำหรับทำคุกกี้• ถ้วยและกะละมังแสตนเลทขนาดพอเหมาะสำหรับผสมส่วนผสม, ถาดรอง, กระดาษไข•ไม้พาย ช้อนตวง แปลงสำหรับทาเนยบนคุกกี้และที่ขาดไม่ได้คือ  “เตาอบ” ครับ วิธีทำซอฟต์คุกกี้ช็อคโกแลตชิพ 1. ละลายดาร์กช็อกโกแลตและเนยพร้อมกับคนให้เข้ากัน พอละลายแล้วก็นำมาคนต่อข้างนอกจนเย็น พักไว้ 2. ตีไข่ไก่กับน้ำตาลทรายแดงจนน้ำตาลละลาย แล้วเติมช็อกโกแลตที่ละลายไว้ลงไป จากนั้นเติมกลิ่นวานิลลา ตีจนเข้ากัน 3.เทแป้งพร้อมผงฟูลงไป ตีจนเข้ากัน แล้วใส่ช็อกโกแลตชิพลงไปตะล่อมพอเข้ากัน และนำไปแช่ช่องฟรีซไว้ประมาณ 15 นาที ตักใส่ถาดที่รองด้วยกระดาษไข เอาไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 12-15 นาที นำออกมาพักไว้ประมาณ 10 นาที เพื่อให้คุกกี้เซตตัว แล้วค่อยแซะคุกกี้มาพักบนตะแกรงจนเย็นสนิท 4.คุกกี้ช้อคโกแลตชิพ พร้อมเสริฟ!! ที่มาที่ไปของขนมคุกกี้ คุกกี้ มีต้นกำเนิดในศตวรรษที่ 7 มาจากแถบเปอร์เซีย ซึ่งปัจจุบันเป็นประเทศอิหร่าน เป็นขนมที่ถูกคิดค้นขึ้นหลังจากที่ผู้คนเริ่มหันมาบริโภคน้ำตาล และเผยแพร่สู่ทวีปยุโรปหลังจากช่วงที่ประเทศสเปนเริ่มรุกรานเหล่าประเทศมุสลิมนั้นเอง 5 เคล็ดลับความอร่อยของคุกกี้ ควรเลือกเนยสดจึงจะดีที่สุดเพื่อช่วยให้ขนมน่ารับประทานมากขึ้นในขั้นตอนการผสมควรเลือกเนยสดที่่อุณหภูมิเย็นแต่ไม่แข็งมากนัก ...