ผลไม้ GMO มีผลข้างเคียงหรือไม่?

ผลไม้ GMO

เคยได้ยินหรือได้อ่านเกี่ยวกับข่าวของ “การตัดต่อพันธุกรรม” กันบ้างมั้ยครับ โดยเฉพาะเรื่องของผลไม้พืชพันธุ์ที่มีการตัดแต่งเพื่อเพิ่มผลผลิตที่มีคุณภาพ ซึ่งเชื่อว่าหลายๆ ท่านคงจะไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องของ “ผลไม้ GMO” พวกนี้อย่างแน่นอน วันนี้เราจึงอยากเป็นตัวแทนพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “ผลไม้ GMO มีผลข้างเคียงหรือไม่?” กันครับ จะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น…เราไปชมกันดีกว่าครับ

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ การตัดต่อพันธุกรรม

การตัดต่อพันธุกรรมหรือที่เราเรียกสั้นๆ กันว่า “GMO” ย่อมาจาก Genetically Modified Organism หมายถึงจุลินทรีย์พืชและสัตว์ที่มีการเปลี่ยนแปลงสารพันธุกรรม โดยใช้เทคนิคทางพันธุวิศวกรรมคือมีการตัดต่อและปลูกถ่ายยีนจากสิ่งมีชีวิตหนึ่งไปสู่สิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่งหรือชนิดเดียวกันและยีนที่ถูกถ่าย

กระบวนการดัดแปลงพันธุกรรม หรือ GMO ทำอย่างไร?

สำหรับกระบวนการ GMO นี้ จะทำโดยการนำยีนจากสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งมาผ่านกระบวนการโดยใส่ยีนนี้เข้าไปในยีนของสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง โดยที่ยีนของทั้งสองสิ่งนี้ในธรรมชาติไม่สามารถนำมาผสมพันธุ์กันได้ เป็นการทำขึ้นเพื่อให้สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นมีคุณลักษณะเป็นไปตามที่เราต้องการ โดยเรียกยีนจากสิ่งมีชีวิตสองสิ่งที่ถูกนำมาผสมกันแล้วนี้ว่า GMO นั่นเอง

ซึ่งในปัจจุบันเราจะเห็นพืชที่ผ่านกระบวนการตัดต่อยีน หรือ GMO ผ่านกระบวนการทางพันธุวิศวกรรมนี้มากมายเลยทีเดียวในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็น มันฝรั่ง, ข้าวโพด, มะละกอ, มะเขือเทศ หรือถั่วเหลือง เป็นต้น เรียกว่ากระบวนการนี้ใช้ได้ผลดีในพืชจำนวนมาก แต่กับสัตว์นั้นยังคงมีข้อจำกัดอยู่

GMO มีผลข้างเคียงหรือไม่?

การถ่ายทอดทางพันธุกรรม ในการตัดต่อทางพันธุกรรม นักวิทยาศาสตร์ได้มีการนำยีนที่ช่วยให้สายพันธุ์ของพืชและสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ มีคุณภาพดีขึ้น แต่ก็มีความกังวลว่ายีนเหล่านั้นอาจส่งผลให้เซลล์ในร่างกายมีพันธุกรรมที่ผิดปกติ เช่น การดื้อยาปฏิชีวนะ หรือทำให้เด็กที่เกิดมามีความผิดปกติทางพันธุกรรมได้ และนอกจากนี้การผสมพันธุ์แบบข้ามสายพันธุ์ เนื่องจากในปัจจุบันเมล็ดพันธุ์ที่เกิดจากการตัดต่อพันธุกรรมถูกใช้มากขึ้น จึงทำให้เสี่ยงต่อการผสมข้ามสายพันธุ์ และเมื่อพืชเหล่านี้ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารก็อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภคได้อีกด้วยครับ

ประโยชน์ของการทำพืชผลไม้ GMO

●ช่วยให้มีพืชสายพันธุ์ใหม่ๆ ออกมา โดยสามารถทานต่อสิ่งแวดล้อมได้ดี รวมทั้งป้องกันตนเองจากศัตรูพืชได้

●ทำให้สามารถเก็บไว้ได้นานกว่าปกติ ช่วยแก้ปัญหาในด้านการขนส่งได้เป็นอย่างดี

●มีผลผลิตที่ขนาดใหญ่ขึ้น รวมทั้งมีคุณค่าอาหารเพิ่มขึ้น

●ทำให้ได้ผลผลิตที่แปลกใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หรือสีสันต่างๆ ส่งผลให้เศรษฐกิจดีขึ้น

● เป็นการลดสารเคมี ทำให้ได้ผลผลิตมากขึ้น รวมทั้งต้นทุนในการผลิตถูกขึ้น

●พืชหรือผลผลิตที่ได้มีลักษณะที่สามารถป้องกันศัตรูพืชได้ด้วยตนเอง ทำให้ไม่ต้องพึ่งพาสารเคมีต่างๆ เรียกว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

อันตรายที่อาจพบได้จากการรับประทานพืชผลไม้ GMO

●อาจก่อเกิดอาการแพ้ แม้อาหารที่ผลิตจากสิ่งมีชีวิตที่ผ่านการตัดต่อพันธุกรรมจะช่วยลดความเสี่ยงการเป็นภูมิแพ้ในอาหารได้ แต่ก็ไม่กำจัดความเสี่ยงที่จะการแพ้อาหารได้

●อาจก่อให้เกิดการปนเปื้อนสารอันตราย กระบวนการ GMOs ช่วยกำจัดข้อด้อยในพันธุกรรมของพืชและสัตว์ได้ แต่ในกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไม่อาจทำให้สิ่งมีชีวิตที่ผ่านการตัดต่อพันธุกรรมปลอดสารพิษได้ 100% เพราะอาจเกิดความบกพร่องเรื่องการควบคุมคุณภาพในระหว่างกระบวนการดัดแปลงพันธุกรรม  จึงทำให้มีการตกค้างของสารที่อันตรายต่อสุขภาพได้

●อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็ง พืชที่ผ่านการตัดต่อทางพันธุกรรมนั้นทนทานต่อสารเคมีของยาฆ่าแมลงซึ่งช่วยให้ผลผลิตมีคุณภาพที่ดีขึ้น แต่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการตกค้างของสารเคมี ซึ่งอาจนำมาสู่การเกิดโรคมะเร็งในผู้ที่บริโภคผลิตภัณฑ์ GMOs ในอนาคตได้ แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่ได้รับการยืนยันนะครับ

และนี้ก็คือข้อมูลและเรื่องราวเกี่ยวกับ “ผลไม้ GMO มีผลข้างเคียงหรือไม่?” ที่พวกเราได้รวบรวมมาฝากทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้นนี้ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ให้กับทุกๆ ท่านเป็นอย่างมากเลยหล่ะครับ

You May Also Like

การกินเจ

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “การกินเจ”

อาหารสำหรับผู้ที่จะลดน้ำหนัก

4 แนวทางการเลือกกินอาหารสำหรับคนลดน้ำหนัก

ขนมแคลลอรี่ต่ำ

5 ขนมแคลลอรี่ต่ำใน 7-eleven

อาหารคลีน

อาหารคลีนดีและมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด